welcome to atisayo blogger ยินดีต้อนรับสุ่ blogger ของอติสโย บทเรียนเพื่อการศึกษาพระพุทธศาสนา และสรางสรรคสังคมไทย

การเสื่อมของพุทธศาสนา




                                  การเสื่อมของพุทธศาสนาในอินเดียเกิดจากการที่ศาสนาอื่นเข้ามาหวังที่จะทำลายพุทธให้สูญสิ้น อยางไรก็ตามจะตองไมมองขามความเสื่อมโทรมที่เกิดขึ้นในวงการพระพุทธศาสนาเองดวย โดยเฉพาะการแขงกับฮินดูดวยวิธีที่เขวออกไปจากแนวทางของพระพุทธศาสนา เชน การตั้งคติพระโพธิสัตวอยางใหมขึ้นมาใหมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริยที่จะชวยบันดาลผลใหแกมนุษยคลายอยางเทพเจาของฮินดู แทนที่จะ
เปนพระโพธิสัตวอยางเดิมที่เปนสามัญมนุษยหรือแมแตเปนสัตวเล็กนอยอยางนก กระตาย ชาง กวาง เนื้อทราย ที่เสียสละบําเพ็ญความดีเปนแบบอยางคติแหงการออนวอนนอนกระหยิ่มรออํานาจลึกลับยิ่งใหญบันดาลใหเขามาแทนที่คติแหงความสามัคคีที่คนพรอมเพรียงรวมกันทําดวยเรี่ยวแรงของมนุษยผูมีน้ำใจเมตตาไมตรี เห็นอกเห็นใจกันความนิยมใหญโตโอานาระทึกใจ เขามาแทนที่ความสงบเรียบงายที่มีความงดงามอยางเปนธรรมชาติงานพิธีที่กระหึ่มมโหฬารใชเงินทองมหาศาล ดึงความสนใจของชาวบานออกจากกิจกรรมของชุมชนในชีวิตที่เปนจริงความตองการทุนทรัพยมหาศาล และภาระในการรับผิดชอบดู แลสิ่งกอสรางใหญโตพรอมทั้งการพึ่งพาแหลงทรัพยและอํานาจอยางยืดเยื้อที่ตกทอดไปถึงพระสงฆรุนหลัง เขามาบดบังชีวิตแหงความมักนอยสันโดษพึ่งพาวัตถุนอย ที่คอยดูแลเอาใจใสอวยธรรมทานแกญาติ โยมชาวบานพรอมทั้งอุทิศตนตอการบําเพ็ญไตรสิกขาความวุนวายกับวัตถุและเห็นแกสะดวกสบายพรั่งพรอมแลวติดที่ เขามาแทนความเปนอิสระเสรีที่จะจาริกไปอยางคลองตัวคลองใจในหมูประชาชน เขาถึงชาวบานในถิ่นตางๆและในที่สุดแมแตไสยศาสตรเวทมนตคาถาก็ เขามาเกลื่อนกลน ระบบการควบคุมทางสังคมดวยศรัทธาและความเปนอาจารยสอนธรรมระหวางชาวบานกับพระสงฆก็เลือนลางลงความประพฤติยอหยอนผิดเพี้ยนก็แพรระบาดกวางขวางเมื่อพระสงฆนําพระพุทธศาสนาเขาไปแขงขันในแดนของฮินดูเหินหางออกไปจากหลักการที่ แทของพระพุทธศาสนา ในขณะที่ทางฝายฮินดูก็มีแผนที่จะกลืนพระพุทธศาสนาอยูวย พระพุทธศาสนาก็ออนแอลง และสูญเสียเอกลักษณของตน เมื่อกองทัพเตอรกมุสลิมยกเขามาฆาเผาในวง พ.. ๑๗๐๐ แลว พุทธบริษัทที่ เหลือรอดจากภัยรุกราน ก็ ถูกกลืนเขาในสังคมฮินดู โดยงายพระพุ ทธศาสนาในดินแดนพุทธภูมิ แหงชมพูทวีป ที่เจริญรุงเรืองมายาวนานถึง ๑๗๐๐ ปก็ถึงจุดอวสาน
เมื่อวัดเปนนาบุญก็จะมีชุมชนดีที่สรางขึ้นดวยบุญเมื่อหลักการที่ ถือ  ธรรมสูงสุด   เลือนลางไป หรือคนเขาใจความหมายของหลักการนี้ผิดเพี้ยน ก็เปนชองใหเกิดความสับสนกับลัทธิ ถือ  เทพสูงสุด หรืออยางนอยก็จะมี ลัทธิหวังพึ่งอํานาจดลบันดาลเกิดขึ้น และเมื่อนั้นแมแต “บุ ญก็ มีความหมายผิดเพี้ยนคลาด
เคลื่อนไป กลายเปนอํานาจวิเศษอยางหนึ่งที่จะบันดาลผลวิเศษที่ปรารถนาผูจะทําบุญ แทนที่จะมองถึกิจกรรมตางๆ ที่จะทําชีวิตใหดีงามและชวยกันทําใหชุมชนรมเย็นเปนสุขก็มองขามไปเสีย มุงแสวงหาอํ านาจวิเศษที่จะบันดาลโชคลาภแกตน เปนดุจของแลกเปลี่ยน คลาดออกจากวิถีแหงปญญา เขาสูวิถีแหงความลุมหลงและเปดโอกาสแกการที่จะหลอกลวง ความหมายที่แทแตเดิมของบุญหายไปแทบไมมีเหลือตองยอมรับวา เวลานี้ ความรูความเขาใจเกี่ยวกับบุญของคนไทย ไดคลาดเคลื่อนคับแคบและคลุมเครืออยางมาก ถึงเวลาแลว ที่จะตองหันมาศึกษาบุญตามที่พระพุทธเจาทรงสอนไวเริ่มตั้งแตชําระสะสางความรูความเขาใจนั้นใหถูกตอง และตั้งตนเอาจริงเอาจังกับการทําบุญขั้นพื้นฐานชนิดที่    ทําชุมชนใหอยูดี ทําชีวิตใหงอกงาม   ยอนหลั งไปดูสังคมไทยเมื่อคอนศตวรรษที่ ผานมา ยังพอทวนความจํากันไดาง ถึงชีวิตชุมชนที่ ปฏิบัติตามคติการทําบุญอยางมฆมาณพ หรืออยางพระเจาอโศกมหาราช เริ่มแตเรื่องเล็กๆนอยๆ อยางการจัดบริการน้ำดื่มแกผูเดินทาง การใหที่พักอาศัยการสรางศาลาที่พักแรม การชวยกันสรางหรือบูรณะถนนหนทางการสรางศาลาทาน้ำ ตลอดจนประเพณีลงแขกชวยงานเกี่ยวขาวถางปา ปลูกเรือน เปนตนแมาการชวยเหลือเกื้อกูลรวมแรงกันเหลานี้ จะเกิดจากสภาพความเปนอยูและสิ่งแวดลอมในยุคสมัยนั้นเปนปจจัยชักนําดวย เนื่องจากสังคมยุคกอนโนนคนมีจํานวนนอย มีผลประโยชนวมกัน และตองพึ่งพาอาศัยกันมากก็จริง แตคติการทําบุญตามคําสอนของพระพุทธเจานี้ยอมเปนกําลังหนุนนําสําคัญ ที่ทําใหการปฏิบัติเชนนั้นซึมแทรกเขาไปในวิถี ชีวิตของประชาชน อยางหนักแนน ลึกซึ้งและกลมกลืนแนนอนวากิจกรรมทําบุญจํานวนมากไปรวมอยูที่วัด แตก็เห็นไดชัดถึงเหตุผลที่ ทําใหเปนเชนนั้น นอกจากการถวายทานบํารุงพระสงฆเนื่องจากเหตุผลดานวิถีชีวิต บทบาทและความสัมพันธของทานกับคฤหัสถพรอมทั้งความเปนนาบุญอยางที่กลาวขางตนแลว เหตุผลสําคัญที่สุดอยูที่วา  วัดไดเปนศูนยกลางของชุมชน จนกระทั่งวา สิ่งที่ทําใหแกวัดและพระสงฆก็ คือการบําเพ็ญประโยชนแกชุมชน   สังคมมีความเจริญและเสื่อมเรื่อยมาตามธรรมดาอยูแลวโดยเฉพาะสิ่งที่สืบตอกันมาทางรูปแบบ เมื่อเวลาผานไปนานสาระทางปญญาก็ มักเลือนลางไป ยิ่งเมื่อสังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญในคราวที่เขาสูยุคสมัยปจจุบัน วิถีชีวิตของผูคนพลิกผันเปลี่ยนโฉมหนาใหมอยางรวดเร็ว คนรุนใหมไมรูจักกิจกรรมบุญกุศลที่เนื่องอยูในวิถีชีวิต และภาวะที่วัดเปนศูนยกลางของชุมชนก็เหลืออยูเพียงพราๆ ลางๆ คติการทําบุญก็เหินหางหรือขาดลอยจากชีวิตที่ เปนอยูจริงของประชาชน ความหมายของบุญก็คลาดเคลื่อน คับแคบและพรามัวลงอยางที่กลาวขางตนจน กระทั่งกลายหรือเขวออกไปถาจะพื้นฟูพระพุทธศาสนาในสังคมไทย จะตองรื้อฟนคติและความหมายที่แทของบุญกลับขึ้นมาใหไดซึ่งก็จะเปนการกอบกูประโยชนสุขใหแกสังคมไทยไปพรอมกันดวย เรื่องนี้จะตองถือเปนบททดสอบสําคัญอยางหนึ่งสําหรับพุทธบริษัท และการฟนฟูก็เริ่มที่การทําบุญนี่แหละคนไทยสวนมากยังอยูในชนบท และคนทุกทองถิ่นมีชุมชนของตนๆ ทุกคนควรถือเปนสําคัญวา ไมาจะทําบุญอะไรก็ตามที่คิดวาสําคัญ และกอนจะไปทําบุญใหญโตที่ไหน ขอใหถามกันวาพวกเราสามารถทําบุญขั้นพื้ นฐานไดสําเร็จหรือไม  บุญพื้นฐานที่วานี้ คือ กิจกรรมที่จะทําชุมชนใหอยูดี และทําชีวิตใหงอกงาม   เครื่องพิสูจนความสามารถในการรื้อฟนระบบการทําบุญของพุทธบริษัทคือ
. หันมาทําบุญที่เกื้อกูลตอชีวิตชุมชนขึ้นเปนพื้นฐาน
. ทําบุญเหลานั้นใหสําเร็จดวยความรวมแรงรวมใจสามัคคี
. ทําวัดที่มีอยูของชุมชนใหเปนนาบุญที่แผขยายคุณภาพชีวิตไปทั่วถึงทุกคน
าทํ า ๓ ขอนี้ไดบุญที่แทอันถูกตองตามความหมายจะกลับคืนมาอยางมี ชีวิตชีวา พระพุทธศาสนาจะกลับเฟองฟูในสังคมไทย และสังคมไทยเองก็จะเขมแข็งมั่นคงบรรลุประโยชนสุขแทจริงแตาไมใสใจหันมาทําบุญขั้นพื้นฐานขึ้นแกชุมชนของตนอยางนี้ถึงจะมีอะไรยิ่งใหญโอฬารขึ้นมา ก็จะเปนเพียงเครื่องหลอกตาหลอกใจใหตกอยูในความประมาท วงการพระพุทธศาสนาก็จะสับสนระส่ำระสายมากขึ้นๆ พุทธบริษัทก็ จะออนแอลงไปๆชุมชนจะเสื่อมสลาย และหายนะภัยก็จะคืบคลานใกลเขามาทุกที   ความสัทธาต่างของชาวไทยในพระพุทธศาสนาเริ่มเปรียนแปลงไปตามกาลเวลา ไม่มีจุดหมายที่ตรงกับคำสั่งสอนของพระพุทธองค์  เราต้องหันมามองว่าเรากำลังสัทธาอะไรอยู่     เราสัทธาพระกันอย่างไร     สัทธาตรงที่พระพูดเพราะ  สัทธาพระอยู่ที่วัดใหญ่วัดดัง  สัทธาที่พระอายุมาก  สัทธาทีพระมีสมณศักดิ์    หรือเราจะสัทธาพระที่ท่านแสดงธรรมที่ถูกต้อง ขอให้ท่านทั้งหลายพิจารณากันเองด้วยปํญญาของท่าน  ส่วนพระเองก็ควรปฎิบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยของพระพุทธองค์ให้มากที่สุด  อย่าหวังผลตอบแทนในการสั้งสอน   นำพุทธสานิกชนให้หลุดพ้นจากวังวนของอวิชาทั้งหลาย  ทุกวันนี้พระเรามามั่วยุ่งกับการก่อสร้างกันจนไม่มีเวลาที่จะสั้งสอนและปฎิบัติธรรมเท่าไรนัก  สิ่งก่อสร้างทำให้พระเดือดร้อนกันมากในการหาทุนในการก่อสร้างเพื่อสนองความอยากมีสมณศักดิ์    ไม่คำนึงถึงประโยชน์ของสิ่งก่อสร้างกันเท่าไรนัก  บางแห่งก่อสร้างสิ่งที่ไม่ใช้ถาวรวัตถุทางพุทธศาสนาก็มาก   เมือต้องการก่อสร้างก็จำเป็นที่หาวิธีหาเงินให้ได้มาจึงออกอุบายในการหาเงินทุกวิธีการ  นี่คือจุดเสือมของพุทธศาสนาในประเทศไทย   แม้แต่ยุ่งกับการเมืองที่มิใช่หน้าที่ของพระ   ก็ทำแล้วยังมาลอยหน้าว่าทำเพื่อประชาชน  พระมีหน้าที่ปฎิบัติบูชา คือการบูชาด้วยการกระทำ ด้วยการประพฤติปฏิบัติ ลงมือกระทำจริง ปฏิบัติจริงทั้งทางกาย วาจา และที่สำคัญที่สุด คือทางใจ ทางจิตวิญญาณ
 โยมมีหน้าที่ในอามิศบูชา  คือการบูชาด้วยสิ่งของ อันได้แก่ ดอกไม้ ธูป เทียน ภัตตาหารคาว หวาน สิ่งที่เป็นวัตถุทั้งปวง เป็นการเสียสละ ฝึกตนให้รู้จักการแบ่งปันการบริจาคและการให้ทาน
พระบางองค์ท่านเก่งมากท่านศึกษมาเยอะถึงขนาดมีความคิดที่จะลดพระวินัยลงนี้คือจุดเลือมทรามในพุทธศนาที่แท้จริง ทางกรมศาสนาควรเอาจริงจังกับพระพวกนี้อย่าสนใจกับปริมาณของพระที่จะน้อยลงให้สนใจกับคุณภาพของพระให้มากๆๆ







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น